[First Ride Review] ทดสอบ Yamaha YZF-R1 2020 ก่อนใคร ณ สนามช้างฯ

ยามาฮ่า ฉลองยิ่งใหญ่ 21 ปี ซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์โมโตจีพี จัดทัพสื่อมวลชนสัมผัสสมรรถนะฝูง New YZF-R1 & YZF-R1M ปี 2020 กว่าสิบคัน เรียกได้ว่าเยอะ และเป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่ได้ทดสอบ โดยแอดเองก็ได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบในครั้งนี้ด้วย ซึ่งในครั้งนี้ผมจะมารีวิวแบบ 1st Ride ให้ได้อ่านกัน

ยามาฮ่า จัดกิจกรรมทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ต รุ่นเรือธง ปีใหม่ล่าสุดของค่าย กับรุ่น YZF-R1 และ YZF-R1M 2020 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนับเป็นการทดสอบ YZF-R1 2020 ครั้งแรกในเอเชีย ที่ประเทศไทยของเรา โดยยามาฮ่าได้ยกทัพ R1 มากว่าสิบคัน ให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบกันแบบจัดเต็ม

สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล, วีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจรถบิ๊กไบค์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ร่วมถ่ายภาพกับสื่อมวลชนชั้นนำของเมืองไทย ที่เข้าร่วมทำการทดสอบขับขี่สมรรถนะของรถจักรยานยนต์ NEW YAMAHA YZF-R1 ปี 2020

นับเป็นปีที่ 21 ของซูเปอร์ไบค์ YZF-R1 ที่ถ่ายทอดความแรงขั้นสุดของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าได้อย่างเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีจากรถแข่ง YAMAHA YZR-M1 ส่งตรงจากสนามแข่ง MotoGP สู่รถซูเปอร์ไบค์ที่ทุกคนสามารถครอบครองได้

NEW YAMAHA YZF-R1 ปี 2020 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่งสุดล้ำ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ Crossplane 4 สูบเรียง 998 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีเสริมการควบคุมรถอันทันสมัยครบครัน

มาพร้อมไฟหน้า LED โฉมใหม่ และแฟริ่งแบบใหม่ ที่ปรับปรุงอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม 5% ด้วยเทคโนโลยีจากตัวแข่ง YAMAHA YZR-M1

พร้อมด้วยโช๊คอัพหน้าแบบ Upside Down และโช๊คอัพหลังแบบ Mono Shock เสริมด้วยซัพแท้งค์ ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

NEW YZF-R1 2020 มีการเสริมเทคโนโลยีใหม่เข้าไปในตัวรถมากกว่ารุ่นเดิมหลายจุด ทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นตั้งแต่รอบต้นจนถึงรอบปลาย สามารถรีดอัตราเร่งได้ดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม ทั้งยังผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับ EURO 5

หน้าจอเรือนไมล์ชนิดจอสี TFT แสดงข้อมูลการขับขี่ครบทุกรายละเอียด และยังอัดแน่นไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ขับขี่ได้สนุกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเบรคในโค้ง, ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรค,ระบบควบคุมการสไลด์, ระบบป้องกันล้อหน้ายก, ควิกชิฟเตอร์, คันเร่งไฟฟ้าแบบเต็มระบบ, ระบบ Launch Control ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่างในโหมดต่างๆ

โดย YZF-R1 2020 มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน และ สีดำด้าน ราคาแนะนำอยู่ที่ 849,000 บาท และ YZF-R1M มีสีเดียว เป็นแฟริ่งคาร์บอนไฟเบอร์ ราคา 1,149,000 บาท

รีวิวการขับขี่

ในการขับขี่ครั้งนี้ แอดปัญได้มีโอกาสร่วมขับขี่ Yamaha YZF-R1 กันถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่ที่สามารถเรียกสมรรถนะของตัวรถออกมาได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับการทดสอบรถซูเปอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง

โดยในการทดสอบนั้น ช่วงแรกได้มีการจัดขบวนทดสอบแบบเบาๆ เพื่อให้สื่อมวลชนปรับความเคยชินเข้ากับตัวรถก่อน โดยทางทีมงานยามาฮ่าได้เซ็ตโหมด A และ B ไว้ โดยในโหมด A เป็นโหมดที่ตั้งค่าไว้ให้มีพละกำลังและความดุดันเพียงเล็กน้อย ขับขี่ง่าย ส่วนในโหมด B นั้น ถูกเซ็ตไว้ให้มีพละกำลังแบบจัดเต็ม ซึ่งเราจะได้ทดสอบกันในช่วงที่สอง

และยังมีโหมด C และ D ให้ผู้ใช้ได้เลือกตั้งค่าได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งกำลังของเครื่องยนต์, Traction Control, ระบบควบคุมการเบรคในโค้ง, ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรค, ระบบควบคุมการสไลด์, ระบบป้องกันหน้ายก ตลอดจนควิกชิฟเตอร์

ความรู้สึกแรกตั้งแต่ก้าวขึ้นคร่อมรถ รู้สึกได้ถึงท่านั่งที่ให้ความรู้สึกแบบซูเปอร์สปอร์ตจ๋า แฮนด์บาร์หมอบ กระชับ วินด์ชิวหน้าแบบซูเปอร์สปอร์ต และแผงหน้าปัดที่วางตำแหน่งไว้สำหรับการหมอบขี่ ให้การมองเห็นที่ชัดเจนทั้งข้อมูลบนหน้าปัดและเส้นทางที่ขับขี่ และมีสุ้มเสียงที่หนักแน่น เร้าใจ

เริ่มขับขี่ออกไปในเซสชั่นแรกซึ่งเป็นการขับขี่ในโหมด A รู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่มีอยู่ในรถคันนี้ ทั้งๆ ที่ในโหมดนี้นั้นถูกตั้งค่ามาให้ส่งกำลังระดับต่ำที่สุด ให้การส่งกำลังที่นุ่มนวลแต่มีกำลังเมื่อบิดคันเร่งไปเยอะๆ ทำให้เป็นรถที่ขับขี่ง่ายมากๆ ให้ฟีลไม่กระโชกโฮกฮาก แต่เมื่อลากก็ไปดั่งใจ

ตัวรถมีน้ำหนักตัว 200 กิโลกรัม แต่เวลาคร่อมแล้วรู้สึกค่อนข้างเบา และยิ่งให้ความรู้สึกว่าเรานั้นเบามากๆ ประกอบกับท่านั่งที่สปอร์ตเต็มขั้น ทำให้เวลาขับขี่ ในจุดที่เราเริ่มเลี้ยวนั้น สามารถทำได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องออกแรงมากในการควบคุมรถ

ในการเบรคและการเข้าโค้ง ตัวรถนั้นถูกปรับเซ็ทช่วงล่างมาจากโรงงานค่อนข้างดี เรียกได้ว่าลงสนามได้อย่างสบายๆ โช้คหน้าและหลังยึดเกาะพื้นถนนได้หนึบ ดั่งใจ และที่ค่อนข้างชอบเลยคือเบรค เดิมๆ ติดรถมานั้นเรียกได้ว่า หนึบและเบาสบายโคตรๆ ผมใช้แรงน้อยมากในการเบรค แต่ตัวรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วนั้นก็สามารถหยุดได้ตามสั่ง

ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็นโหมด B ซึ่งในโหมดนี้จะถูกตั้งค่าไว้ให้มีการส่งกำลังเต็มตัว และมีเอ็นจิ้นเบรคที่ระดับหนักสุด ซึ่งหลังจากได้เปลี่ยนโหมดแล้ว รู้สึกได้ชัดเจนถึงพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้น สุดทางตรงสนามช้างฯ ขี่ออกจากโค้ง 1 มา บิดหมดปลอก ความเร็วขึ้นไปถึง 299 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงอึดใจ ก่อนจะถึงจุดเบรคเพื่อเข้าโค้ง 3 พอดี

ในส่วนของควิกชิฟเตอร์นั้น ทำงานได้ทั้งขึ้นและลงเกียร์แบบนิ่มนวลมากๆ เรียกได้ว่า นิ่ม เร็ว ฉลาด สุดๆ นี่ก็เป็นอีกจุดที่แอดประทับใจ บิดหมดปลอกในโหมด B ต่อเกียร์ 1 ไป 2 ไป 3 นั้น ล้อหน้าจะลอยจากพื้นเล็กน้อย ทำให้มีเหวอกันบ้าง แต่ระบบป้องกันหน้ายกก็ทำงานและล้อหน้าก็กลับลงสู่พื้นได้เป็นอย่างดี

สำหรับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นหลังจากเปลี่ยนมาเป็นโหมด B นั้น เรียกได้ว่าเห็นได้ชัดเจนมาก เหมือนรถคนละคันมาขี่เทียบกันเลย แต่ในส่วนของเอ็นจิ้นเบรคนั้น ถึงแม้จะปรับมาเป็นโหมด B แล้ว ส่วนตัวแอดเองก็รู้สึกว่ายังไม่ดึงมาก (แอดชอบแบบดึงๆ) ให้ความรู้สึกไหลๆ เพียงแต่มีการหน่วงมากกว่าในโหมด A ซึ่งในจุดนี้ก็อยู่ที่ผู้ขับขี่แต่ละคน ว่าจะชอบหรือถนัดแบบไหน

และในการลดเกียร์ การเบรคหนักสุดๆ จากความเร็ว 300 เหลือ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนเข้าโค้ง 3 นั้น การลดเกียร์จาก 6 เหลือ 2 เป็นไปอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว ในการเบรคท้ายจะมีสไลด์เล็กน้อย ด้วยน้ำหนักที่ถูกถ่ายมาด้านหน้า ระบบควบคุมแรงเบรค, ABS และระบบควบคุมการสไลด์ ทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด ขณะที่ท้ายนั้นมีอาการสไลด์ เบรคหน้าสามารถทำงานต่อและ ABS ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีอาการมาถึงก้านเบรคแต่อย่างใด

โดยรวมแล้ว YZF-R1 2020 จัดเป็นรถซูเปอร์สปอร์ต ที่ให้พละกำลังแรงอันดับต้นๆ ในคลาส 1,000 cc. มีช่วงล่างที่พร้อมลงสนาม ระบบเบรคที่โคตรหนึบ ไว้ใจได้ อัดแน่นด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ครบครัน ที่นอกจากช่วยให้ขับขี่สนุกขึ้น ทำเวลาในสนามได้ไวขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย และเป็นรถที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ทุกระดับ (ด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ที่สามารถตั้งค่าได้) สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะควบคุมรถไม่ได้อย่างแน่นอน

ติดตามได้ที่เว็บ thaicarnews.com

แสดงความคิดเห็น