[รีวิว] MG Extender กระบะพันธุ์ยักษ์ ออฟชั่นดีนั่งสบาย

เปิดตัวไปไม่นานกับกระบะ MG Extender ที่มาพร้อมกับจุดขาย “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” พร้อมด้วยออฟชั่นมากมาย และไม่พลาดกับระบบ i-Smart สั่งการด้วยเสียงภาษาไทยที่บุกเบิกตลาดเป็นเจ้าแรก แต่ทว่าการแข่งขันในตลาดรถกระบะในประเทศไทยถือว่า รุนแรงมาก เรียกได้ว่าตลาดปราบเซียนกันเลยที่เดียวดังนั้น MG Extender จะผ่านด่านต่างๆไปได้อย่างไรคงต้องมาดูกัน

ดังนั้น เอ็มจี ประเทศไทย จึงได้จัดให้มีการทดสอบ สมรรรถนะของตัวรถว่าจะมีดีอย่างไรบ้าง นอกจากความใหญ่ โดยเส้นทางในการทดสอบครั้งนี้ เริ่มต้นที่ ภูเก็ต – สุราษฎร์ธานี ทางทีมงานได้ถูกเชิญเป็นกลุ่มแรกในการเดินทาง เส้นทางทั้งหมดในการเดิน ทางทดสอบของ MG Extender วิ่งจากใต้ ผ่านภาคกลาง ผ่านอีสาน และก็ขึ้นเหนือ ครบทุกภาคกันเลย

ก่อนการเดินทางเริ่มต้นทำความรู้จักกับ MG Extender กับจุดขายหลักในการสื่อสารคือ “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ถ้าเทียบรถกระบะที่จัดจำหน่ายในประเทศ ก็ถือว่าเป็นรถกระบะที่มีขนาดใหญ่สุดในตลาด

ภายนอก

หน้าตา MG Extender ดูจากภาพภายนอก มีความดุดัน แข็งแกร่ง ตามแบบฉบับรถกระบะ มีความบึกบึน ในสไตร์ยุโรป ไฟหน้าแบบ LED Projector ที่มีระบบเปิด-ปิด และปรับเลี้ยวตามองศาของพวงมาลัยอัตโนมัติ พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียว เข้าชุดกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่สะท้อนความแข็งแกร่ง ดุดัน, โป่งล้อขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มมัดกล้ามอันบึกบึนของตัวรถ, ราวหลังคาสไตล์สปอร์ตพร้อมความอเนกประสงค์, ไฟท้ายส่องสว่างแบบ LED ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และ ยังมาพร้อมกับกล้องมองภาพรอบคัน ที่ติดตั้งกล้องหน้าไว้ที่ชุดกันชนหน้า, กล้องด้านข้างซ้าย – ขวาติดตั้งที่กระจกมองข้าง และกล้องมองหลังติดตั้งไว้ที่มือจับฝาเปิดกระบะท้าย

ภายใน

ถือว่าเป็นจุดขายหลักสำคัญของ MG Extender คือ ห้องโดยสาร  ซึ่งบอกได้เลยว่า MG Extender นั้น เป็นรถกระบะที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง และนั่งสบายที่สุด ในความเห็นจากทีมงาน  เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมระบบปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะนั่งด้านหลังนั่งสบาย วัสดุต่างๆ เป็นแบบ Soft Touch ซึ่งให้ความรู้สึกพรีเมียม อีกทั้งยังมีช่องแอร์ และช่องเสียบ Power Outlet 12v สำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้อีกด้วย ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารของ MG Extender นั้น จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, ปุ่ม Push Start, ที่วางแก้วน้ำบริเวณช่องแอร์เพื่อรักษาความเย็น, ช่องเสียบชาร์จไฟ USB, ที่วางของบริเวณคอนโซลหน้า และไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ระบบอินโฟเทนเมนท์หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth และ USB อีก 2 ช่อง ที่มีระบบ i-Smart สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย สามารถค้นหาสถานที่, ร้านอาหาร, ที่พักโรงแรม, ปั้มน้ำมันใกล้เคียง ฯลฯ

มาต่อกันในส่วนของขุมพลัง MG Extender ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด ได้แก่ Normal, ECO และ Power ซึ่งทั้ง 3 โหมด ก็จะเซ็ทอัตราเร่ง และการตอบสนองที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งในรุ่นท็อปสุดยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ที่มีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ ได้แก่ 2H, 4H และ 4L

มาถึงการทดสอบ สัมผัสแรกในห้องโดยสาร สมกับที่เป็นจุดขายหลักของรถคือห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่มีพื้นที่กว้างนั่งสบายเบาะนั่งโอบกระชับ พนักวางแขนและวัสดุต่างๆเป็นแบบ Soft Touch ซึ่งส่งผลทำให้ตัวรถดูแพงขึ้นมาและให้ความรู้สึกนุ่มในการสัมผัส ส่วนด้านเบาะหลังพื้นที่ก็กว้างเช่นกัน การออกแบบหลังคา แบบโป่งทำให้ไม่รู้สึกไม่อึดอัดเวลานั่งทำให้รู้สึกสบาย เริ่มออกเดินทาง จากโชว์รูม MG ภูเก็ต เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางโค้งและทางตรงยาว รถมีกำลังที่มากพอในการขับเคลื่อน ถึงแม้ว่ารถดูมีขนาดใหญ่กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า เพียงพอกับการเดินทางไกล ให้อัตราเร่งที่ดีในทางตรงยาวๆและการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ แต่ก็ไม่ได้แรงจนทำให้หลังติดเบาะ คันเร่งอาจจะหน่วงหน่อยทำให้ต้องปรับตัวกันพักนึง

รถที่ใช้ในการทดสอบเป็น ตัวยกสูงขับสี่ โดยระบบช่วงล่างถือได้ว่าเซ็ทออกมาให้มีความนุ่ม หนึบ และเกาะถนน จุดเสียของรถกระบะคือท้ายจะกระเด้งแต่ MG Extender มีอาการน้อยมาก ทำให้นั่งในทางไกลไม่รู้สึกเหนื่อย ให้ความรู้สึกเหมือนรถ suv ด้วยระบบช่วงล่าง ที่ทาง MG ให้คำนิยามว่า Euro Tuning Suspension ซึ่งก็คงเป็นเพราะ การเลือกใช้โช้คอัพของ Sachs ซึ่งเป็นระบบช่วงล่างได้รับความไว้วางใจ ในรถยุโรปหลายๆ แบรนด์ รวมไปถึงระบบ ESP และระบบ ABS ที่เลือกใช้ของ Bosch ซึ่งก็เป็นแบรนด์ที่ไว้วางใจได้  เสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารถือว่าทำได้ดีมาก สำหรับรถกระบะในกลุ่มเดียวกัน พวงมาลัยอาจจะน้ำหนักเบาไปในความเร็วสูงแต่งดีในการใช้งานในเมือง

การทดสอบในครั้งนี้ ทางเอ็มจีได้มีการจัดกิจกรรมทดสอบอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้รถทุกคันเติมน้ำมันให้เต็มถัง และทดลองวิ่งในระยะทางกว่า 90 กม. กำหนดเวลา 60 นาที ผู้ทดสอบขับขี่ในโหมด ECO มาตลอดระยะทาง โดยใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 80 – 90 กม./ชม. ผลการแข่งขัน ค่าเฉลี่ยในการวิ่งของรถทุกคันสามารถทำอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ที่ 13.42 กม./ลิตร และผู้ที่ทำอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีที่สุดอยู่ที่ 15.54 กม./ลิตร (ผู้โดยสาร 3 คนต่อคัน)

ด้านระบบความปลอดภัยของ MG Extender นั้น มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-high Strength Body ที่มีความแข็งแกร่งสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเสริมความมั่นคงในการขับขี่ ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย

ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System)
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System)
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)
ถุงลมนริภัย 6 ตำแหน่ง
กล้องมองภาพรอบทิศทาง
กล้องมองหลัง
สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า และด้านหลัง

สรุป กระบะ MG Extender โดยรวมถือว่า ทำออกมาได้ดี เป็นรถกระบะน้องใหม่ ที่ถือว่าไม่ขี้เหร่ ในมุมมองจากทีมงานอุปกรณ์ต่างๆที่ MG Extender ใส่มาให้นั้นเรียกได้ว่าจัดเต็ม เลือกอุปกรณ์จากบริษัทชั้นนำเพื่อให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด การขับขี่ถือว่าสอบผ่าน ให้ความรู้สึกเหมือนรถ suv ห้องโดยสารขนาดใหญ่ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด สุดท้ายก็อยู่ที่ผู้บริโภคจะเปิดใจรับหรือไม่เพราะตลาดรถกระบะถือว่าหินที่สุด
ข้อดี
1 ตัวถังใหญ่ดูดุดัน
2 ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย
3 อ็อพชั่นให้มาเต็มระบบ
4 ช่วงล่างให้ความรู้สึกเหมือนรถ suv

ข้อเสีย

1 เครื่องยนต์ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันยังไม่ดีเทียบกับคู่แข่งในตลาด
2 พวงมาลัยเบาเกินในช่วงความเร็วสูง
3 ราคาไม่ดึงดูดเท่าที่ควร

ทาง MG Extender นั้น มีค่าบำรุงรักษาที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรถกระบะในระดับเดียวกัน (100,000 กม. ไม่เกิน 20,000 บาท)  ในราคา 1,029,000 บาท MG Extender เหมาะกับใคร อยู่ที่คุณจะชอบหรือไม่

แสดงความคิดเห็น